สืบเนื่องจาก บทข่าว ‘บุญเลิศ’ขายฝัน’รถไฟฟ้ารางเดี่ยว’ และ ดัน ‘รถไฟฟ้ารางเดี่ยว’รับการเติบโตเชียงใหม่
เมื่อ เห็นหัวข่าว ผู้เขียนก็ดีใจที่จังหวัดเชียงใหม่จะมีระบบขนส่งมวลชนที่เป็นจริงเป็นจังกับ เค้าเสียที ในรายละเอียดของข่าวทั้งสองกล่าวถึง ที่มาของโครงการและลักษณะต่างๆ ของระบบรถรางที่ท่านนายก อบจ.เชียงใหม่ตั้งใจจะให้เป็น
โครงการดังกล่าวประกอบด้วย เส้นทางรถรางระดับพื้นผิว 2 เส้นทางรวมระยะทาง 28 กิโลเมตร “วิ่งให้ บริการเที่ยวละ 3 โบกี้ รองรับผู้โดยสารได้โบกี้ละ 40 คน แต่ละเที่ยวจะรองรับผู้โดยสารได้ 120 คน หากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนจะเพิ่มโบกี้อีก 2 โบกี้ ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ 200 คน ความเร็ว 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะจอดรถไฟฟ้าทุกๆ 500 เมตร ซึ่งจะมีการกำหนดเวลาและจุดจอดรถไฟฟ้าอย่างชัดเจน เบื้องต้นคาดการณ์ว่า แต่ละรอบจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที โดยรถไฟฟ้าดังกล่าวจะควบคุมด้วยระบบสัญญาณจราจร เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงจะได้รับสิทธิ์ให้ไปก่อนไม่ต้องติดสัญญาณไฟจราจร”
ส่วนเส้นทางนั้น “เริ่ม ต้นเส้นทางตั้งแต่ บริเวณอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ปลายทางศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา โดยผ่านรอบคูเมืองเชียงใหม่และท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ รองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว” ซึ่งตามแหล่งข่าวนั้นไม่บอกว่าสายไหนวิ่งผ่านตรงไหนบ้าง
แต่ต้องขอย้ำตรงนี้ว่า เส้นทางที่ว่านี้ไม่เกี่ยวกับภาพสี่เส้นทาง ของรูปด้านล่าง ซึ่งเป็นเส้นทางของ BRT ที่ม.ช.ได้ศึกษาไว้หลายปีก่อน

ก็ต้องรอดูว่า เส้นทางที่ออกมาจะเป็นอย่างไรกันต่อไป
เบื้องต้นขอตั้งข้อสังเกตดังนี้
1. เวลาของแต่ละเที่ยวน่าจะนานกว่า 30นาที เพราะ ถ้าแบ่งคร่าวๆเป็นสองเส้นทาง เส้นทางละประมาณ 14 กม.ความเร็ว 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว (บวกเวลาหยุดรับผู้โดยสารและเวลาติดไฟแดงอีก)
2. เส้นทางที่ท่านว่ามานั้น ต่อเข้าสู่จุดศูนย์ประชุมต่างๆ ซึ่งผู้เขียนไม่ทราบชัดว่าเส้นทางเหล่านี้มันเชื่อมต่อกับเขตที่ประชาชนอยู่ อาศัยหรือไม่? มีการศึกษาพฤติกรรมการเดินทางของคนเชียงใหม่หรือไม่? กลุ่มผู้ใช้จะเป็นใคร ?
3. โครงการนี้มีการพัฒนาทางเดินเท้า การเข้าถึงจุดจอดอย่างไรบ้าง เพราะช่วงจอดรถ 500 เมตรนั้นหมายความว่าผู้ใช้จะต้องเดินเท้าอย่างน้อย 250เมตร การพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเดินเท้าจึงจำเป็นอย่างมาก ต่อความสำเร็จของโครงการนี้
4. ในบทความท่านนายกเสนอการตัดวงแหวนรอบที่สี่และห้า ซึ่งเป็นหลักการนโยบายที่สวนทางกับการพัฒนาระบบรางอย่างสิ้นเชิง การตัดถนนเพิ่มเป็นการอำนวยความสะดวกสบาย และดึงดูดคนมาใช้รถเพิ่มขึ้น อีกทั้งทำให้เมืองเกิดการกระจายตัวมากขึ้น และเมื่อที่อยู่อาศัยกระจายตัวมากขึ้น ระบบขนส่งมวลชนก็ไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป การตัดถนนวงแหวนรอบที่สี่และห้า เป็นการฆ่าขนส่งมวลชนของเชียงใหม่(ที่ยังไม่เกิด)อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นท่านนายกควรที่จะต่อต้านการสร้างถนนวงแหวนอีกสองเส้นนี้มิใช่ส่งเสริม
5.อบจ.จะมีมาตรการอื่นๆมาสนับสนุนระบบรางหรือไม่ เช่น มาตรการช่วยเชื่อมต่อระหว่างรูปแบบการเดินทางต่างๆ (จักรยานยนต์ รถ และ รถราง หรือ จักรยาน และรถราง) การวางมาตรการจำกัดการใช้และการจอดรถ เพื่อสนับสนุนการใช้ระบบรถราง เป็นต้น
6. อยากให้ท่านนายก อบจ.ประสานกับนายกเทศบาลในการใช้โอกาสนี้ ปรับภูมิทัศน์ต่างๆ และสร้างทางจักรยาน เพราะการขนส่งระบบรางเดี่ยวถ้าใช้วิ่งไปตามพื้นผิวถนน จะต้องมีการก่อสร้างต่างๆ ซึ่งจะสร้างโอกาสให้สามารถปรับภูมิทัศน์ของเมืองด้วย
ผมนิยมความตั้งใจของนายก อบจ.ที่จะจัดระบบการขนส่งและการเดินทางของเมืองเชียงใหม่ ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น เมืองเชียงใหม่ เป็นเมืองที่มีอายุกว่า700ปี แต่ไม่เคยมีระบบขนส่งมวลชนที่ต่อเนื่องและยาวนานเลย การวางแผนโดยคำนึงถึงประชาชน ซึ่งจะเป็นผู้ใช้ และการคำนึงถึงบริบทของเมือง และการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการวางแผนอนาคตของ เมือง และรูปแบบการขนส่งที่จะเกิดขึ้นจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง